เชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ ทิศเหนือของเชียงใหม่ติดกับประเทศพม่า เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีเรื่องเล่าและประวัติต่างๆ มายาวนาน และยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้ง ภูเขา , น้ำพุร้อน , น้ำตก , วัด ฯลฯ และยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม มีภาษาท้องถิ่น มีอาการประจำภาค มีเอกลักษณ์มากมายที่ทำให้คนไปเยือนมีความสุข
เมื่อพูดถึงเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆ คนจะนึกถึงคงหนีไม่พ้น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร อยู่อำเภอจอมทอง ดอยอินทนน์เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดแดนสยาม มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เที่ยวได้ทั้งปี มีที่เที่ยวมากมาย ทั้งน้ำตก และพระมหาธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ และยังมีกิ่วแม่ปาน ให้เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ชมทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย
การเดินทาง :: สามารถเดินทางได้ทั้งขับรถมาเอง หรือ เช่ารถให้ขับพาขึ้นมาก็ได้ ทางมีความสูง และ ชัน ผู้ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง ไม่เคยขึ้นเขา ไม่ควรขับรถขึ้นเองนะคะ
เดือนพฤศจิกายน ถือเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของเชียงใหม่ เพราะอากาศจะเริ่มเย็นจากดอยอินทนนท์เป็นที่แรก เมื่อไหร่ที่เริ่มมีแม่คะนิ้ง นี่แหละคือการเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่แท้จริงของประเทศไทย อั้มไปได้เจอแม่คนิ้งแรกของปีด้วยคะ ดีใจสุด ๆ ไปตอนต้นเดือนพฤศจิกา อากาศหนาวแบบ สั่น ถึงกับต้องใส่เสื้อกันหนาวหนา ๆ เลยทีเดียว ถ้าใครมาเดือนพฤศจิกายน จะดีตรงที่เห็นทะเลหมอกแน่น ๆ คนไม่เยอะมาก รถไม่ติด และยังสามารถไปชมดอกบัวตอง ที่ดอยแม่อูคอได้อีกด้วย สำหรับคนที่วางแผนขับรถวนเป็นวงกลมเพื่อไปปาย จะได้เก็บความงามของเดือนพฤศจิกายนแบบครบ ๆ
ตื่นเช้ามากวันนี้ เพราะจะรีบขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น จริง ๆ ตอนกลางคืนไม่ได้นอนด้วยแหละ เพราะเจองูก่อนถึงบ้านพัก มันก็จะหลอน ๆ หน่อยถึงขั้น ผวาทั้งคืน ตอนเช้าเลยรีบออกมาจากที่พักเพื่อขึ้นมาบนยอดดอย ตอนขึ้นมายังมืด ๆ อยู่ รอสักพักก็ได้เจอแสงแรกของวันที่สวยงามสุด ๆ
นั่นไง พระอาทิตย์ขึ้นมาทักทายพวกเราแล้ว คนมายืนรอชมพระอาทิตย์ขึ้นเยอะพอสมควร ใครเตรียมตัวมาไม่ดีก็หนาวกันไป อุณหภูมิเลขตัวเดียว หนาวมาก ๆ หนาวประมาณว่าเดินอยู่ที่ ฮอกไกโด 5555 ไหนจะลมอีกไรอีก สุด ๆ ถุงมือก็ต้องเตรียมมานะ เพราะเจ็บมือมาก
รอไม่นานพระอาทิตย์ก็ขึ้นมาส่องแสงให้เรารู้สึกอุ่นขึ้น
เราไม่รอช้า เพราะจะต้องไปล่าทะเลหมอกในกิ่วแม่ปานอีก เราจึงรีบเดินมารอคิวซื้อบัตรเข้า ก่อนที่คนจะมากันเยอะกว่านี้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เปิด 06.00 น. เขาให้จ้างไกด์ท้องถิ่นนำทาง โอเค จ้างก็จ้าง ระยะทาง 3 กิโล เป็นการเดินขึ้น ๆ ลง ๆ เขาตลอดนะคะ อย่าใส่ส้นสูงมาละ
เดินเข้ามาแป๊ปหนึ่ง ยังไม่ทันเหนื่อยก็จะเจอน้ำตกเล็ก ๆ สวยงามมาก ๆ ตอนเดินเข้ามาในกิ่วแม่ปาน มันคือการเดินป่าดิบ ด้านในจะยังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ มีเพียงแสงรำไร เดินก็ระมัดระวังด้วยนะคะ
แนะนำรองเท้าผ้าใบนะคะ เดินสะดวก ไม่ต้องกลัวลื่น และยังช่วยให้ไม่หนาวเท้ามากด้วยคะ
ระหว่างทางเดินก็จะเจอเฟิร์น และ พืชพันธ์ไม้ต่าง ๆ หลากหลายชนิด ถือว่าธรรมชาติยังสมบูรณ์มาก ๆ เดินมาก็อย่าไปจับไปเด็ดกันนะคะ
ทางเดินก็จะเป็นทางขึ้นเขา ลงเขา ตลอด เหนื่อยพอสมควร เล่นเอาเหงื่อออก หายหนาวเลยแหละ
เดินมาสักพักก็จะออกจากป่ามาเจอความสวยงาม ดุจอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว ดีใจที่เขามีช่วงเวลาปิด-เปิด เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว
เดินมาเรื่อย ๆ จะมาทะลุถึงทางออก มาเจอทุ่งหญ้าบนภูเขาที่โล่งกว้าง มีทางเดินเล็ก ๆ ให้เราเดินได้โดยไม่ทำลายธรรมชาติ เรียกว่าสันกิ่วแม่ปาน ตรงนี้เป็นจุดที่สวยน่ะ มีทั้งแสงแดดและลมที่เราไม่มีทางได้สัมผัสในเมืองแน่นอน
ฟ้าคือฟ้าสวยมาก ๆ สองข้างทางจะมีไม้ไผ่ทำเป็นรั้วกั้นเป็นทางเดิน ทำให้เดินค่อนข้างง่าย
เดินมาอีกนิดหนึ่งจะถึงจุดไฮไลของกิ่วแม่ปาน เป็นจุดชมวิวและเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ ทะเลหมอกแน่นๆ รู้สึกฟินมาก ๆ ค่ะ
ตรงนี้เป็นวิวที่มองได้แบบพาโนรามาเลย มองไปทางไหนก็สวย ธรรมชาติยังสวยสด งดงามเสมอ ถ้ามีเวลาว่างอยากให้ได้ไปสัมผัสกัน ก่อนที่ร่างกายจะแก่จนเดินไม่ไหว
ถ่ายรูปจนพอใจ ก็รีบเดินทางต่อ ระหว่างทางจะเป็นทางลาดชัน และข้าง ๆ จะเป็นหุบเขา ค่อนข้างน่ากลัว ถึงแม้จะมีไม้ไผ่เล็ก ๆ กั้นไว้แต่ก็ยังกลัวอยู่ดีเพราะมันสูงมาก อย่ามัวแต่ถ่ายรูปจนลื่นนะคะ ระมัดระวังตัวเองด้วย เพราะไกด์นำทางเรา เดินมุ่งหน้าจะกลับอย่างเดียวเลย
เส้นทางการเดินเริ่มแคบ ต้องเดินทีละคน สูงและชัน มองในรูปก็ดูน่ากลัว ของจริงก็น่ากลัวเหมือนกัน 5555
เดินมาสักพักก็จะเจอจุดให้ถ่ายรูปชมวิวอีก ก็แวะถ่ายสักหน่อย
มองเห็นทะเลหมอกสลับกับภูเขา สวยเหลือเกิน ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง ทะเลหมอกยังไม่หมด ยังอยู่ให้เรายลโฉมตลอด เคยอกหักมาหลายครั้งกับทะเลหมอก แต่มาที่นี่ไม่เคยผิดหวังเลย
สองข้างทงเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ให้ชมอย่างเพลิดเพลิน มีต้นกุหลาบพันปีด้วย สีแดงสดสวยมาก ๆ แต่ที่อั้มไปยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูหนาวเต็ม ๆ นางเลยออกมาให้เห็นเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
ก่อนจะกลับเข้าสู่ป่าอีกครั้ง เราก็แวะมาถ่ายรูปตรงบริเวณที่จะเห็น พระมหาธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ มุมใหม่ที่สวยงาม สมัยก่อนเขาเข้ากันก่อน 6 โมงเพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกตรงนี้ ถ่ายรูปมากันสวยมาก ๆ
พอถ่ายรูปเสร็จก็เดินเข้าป่าดิบชื้นอีกครั้ง เพื่อเดินทางกลับ ช่วงกลับนี่โคตรเหนื่อย เหนื่อยกว่าขามาอีก ไกด์นำทางเราก็เดินเร็วมาก เหมือนจะรีบทำเวลาเพื่อนำเข้าชมอีกรอบ เราเหนื่อยมาก ๆ ก็ได้พักแค่แป๊ป ๆ เอง เอ๊ะอะ นางก็เดินตะพึดตะพือ
สรุป ป่าเมฆแห่งนี้ คือ ของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติสร้างไว้ มอบให้คนไทยได้ชื่นชม ตลอดเส้นทางคือ ห้องนิทรรศการธรรมชาติ เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศ วิวัฒนาการการปรับตัว การอิงอาศัยพึ่งพาของดิน น้ำ อากาศ แหล่งกำเนิดสายน้ำ สรรพสิ่งนี้แม้มนุษย์ไม่อาจสร้างแต่ร่วมกันรักษาได้
แผนที่สำหรับการเดินทางใน กิ่วแม่ปาน มีทั้งหมด 21 จุดเด้อค่ะ
ไกด์จำเป็นไหม ? สำหรับอั้มนะ ถ้าคนไม่เคยเดินมาก่อน กลัวหลง มีไกด์นำทางก็ดี แต่อั้มว่าบางทีไกด์ก็ไม่ค่อยช่วยไรเท่าไหร่ แต่ไกด์บางคนก็ดี แบบที่อั้มเห็นอ่ะ บางกลุ่มเขาอธิบายแทบทุกจุดเลย ช่วยถ่ายรูป ชวนคุย ถามไถ่ นู่นนี่ตลอดทาง และบางจุดเราอยากอยู่นาน ๆ ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไรงี้ ก็ไม่ได้ ไกด์ต้องทำเวลาเพื่อพาคนกลุ่มหลัง ๆ เข้ามาอีก เลยเหนื่อยเป็นพิเศษ
เนื่องจากเราออกมาจากกิ่วแม่ปานไวมาก เลยแวะขึ้นไปที่ ป้ายสูงสุดแดนสยาม เพื่อถ่ายรูปสักหน่อย เพื่อเอาไว้เป็นเกียรติประวัติแห่งวงตระกูล
เมื่อเที่ยวบนยอดดอยเสร็จแล้ว ขากลับควรแวะไหว้ พระมหาธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ด้วยนะคะ เสร็จแล้วระหว่างทางลงดอย ก็เจอร้านขายสตอเบอรี่ ช่วงนี้เป็นช่วงแรก ๆ ของฤดูสตอเบอรี่ ก็จัดสักหน่อย
ขากลับแวะมาเก็บของที่บ้านพัก อั้มพักที่บ้านแม่กลางหลวง นะคะ มีห้องหลายแบบ มีอาหารอร่อย
ถ้ามาช่วงมกราคม จะมีไร่สตอเบอรี่ ให้ลงไปเด็ดกินได้ด้วย ตอนนี้ยังไม่ออกลูก อั้มเลยยังไม่ได้กิน ถ้ามาก่อนพฤศจิกายน จะมีนาข้าวสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูป
บ้านพักที่บ้านแม่กลางหลวง ฮิลล์ มีหลายแบบ แล้วแต่ความชอบ จะเป็นแนวบ้านไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติ อั้มพักบ้านด้านหลังติดกับกอไผ่ ที่เจองูแหละ ขนลุกเลยค่ะ ที่นี่มีกาแฟขายด้วยน่ะ กาแฟอร่อยดี แต่ชาเย็นต้องพักก่อน
บ้านพักที่แม่กลางหลวงฮิลล์ มี 7 แบบ ทุกแบบจะเห็นวิวสวย มีเครื่องทำน้ำอุ่นจากแก๊ส บ้านเป็นไม้ทั้งหมด วิวค่อนข้างสวยงาม แต่ต้องมาให้ถูกฤดู เขามีต้นซากุระด้วยแหละ แต่ตอนไปยังไม่ ออก
ทำไมควรพักที่บ้านแม่กลางหลวงฮิลล์
- สามารถเดินเล่น ถ่ายรูป ชมวัฒนธรรมต่างๆ ในหมู่บ้านได้
- มีร้านกาแฟดัง ๆ หลายร้าน เช่น ร้านกาแฟสมศักดิ์ ที่บดกาแฟเองกับมือ
- สามารถขึ้นดอยอินทนนท์ได้ง่าย สะดวก เหมาะกับมาพักแล้วตอนเช้าขับขึ้นดอย
- เป็นโฮมสเตย์ ราคาไม่แพง พักแล้วได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และ วัฒนธรรมคนท้องถิ่น
- เดือนกันยายน เป็นเดือนที่จะเห็นนาข้าวสวยงามเขียวขจี
- เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน จะเห็นนาข้าวเริ่มเหลือง
- เดือนมกราคม จะเห็นต้นซากุระหรือพญาเสือโคร่งออกดอกบานสะพรั่ง
- อากาศเย็นตลอดทั้งปี
เขามีการทอผ้ากันเองด้วยนะคะ ถ้ามาจังหวะที่พอดี จะได้เห็นการถักทออย่างใกล้ชิด
ก่อนกลับเจอเจ้าของโฮมสเตย์พอดี อากาศเย็นขนาดไหน ดูจากเสื้อที่เขาใส่ได้เลยจ้า
เช็คเอ้าท์แล้ว เราก็มาแวะน้ำตกวชิรธาร กันก่อนกลับ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี สวยงามมาก ๆ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากน้ำตกมีความสูง ทำให้เกิดละอองน้ำกระเด็ดทั่วบริเวณ มีความช่ำมาก ๆ โปรดระวังกล้องให้ดี ๆ เด้อ
ก่อนจะเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เราก็มาแวะไหว้พระ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นประธาตุประจำชวด ปีเกิดของอั้มเอง มาถึง อำเภอจอมทอง ยังไงก็ต้องแวะมาค่ะ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
คนเกิดประชวด ต้องมาไหว้ที่นี่เพื่อความเป็นสิริมงคล สังเกตรอบ ๆ เจดีย์ จะมีหนูอยู่รอบ ๆ แต่ ปีอื่นก็มาไหว้ได้นะ
เจดีย์สีทองสวยงามอร่ามตา ตัดกับท้องฟ้าสีคราม สวยจับใจ
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ มีเวลาเหลืออีก 6 ชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก จะไปไหนอีกดี ก็นึกขึ้นได้ว่า เรายังไม่เคยไป Grand Canyon เลยนี่หว่า เลยเปิด Google Map ให้นำทางมา
แกรนด์ แคนยอน เชียงใหม่ อยู่ในอำเภอหางดง จริง ๆ ตรงนี้เขาคือบ่อดินเก่าที่เขาขุดหน้าดินไปขายแล้วเกิดน้ำท่วมขัง แล้วมีคนชอบมาเล่นน้ำ จนทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบงงๆ
พอขับรถมาถึง คือ งงมาก แกรนแคนยอน มีทางเข้าหลายทางมาก แล้วแต่ละที่ไม่เชื่อมต่อกันจ้า จะเข้าตรงไหนก็เสียเงิน 50 บาท งี้ งงเว่อ แต่ก็ดีตรงที่เอาบัตรเข้ามาแลกน้ำได้ฟรี หรือ จะเป็นส่วนลดค่าเครื่องดื่มก็ได้ อั้มว่าตรงนี้ร้อนมาก และแทบไม่มีอะไรเลย ถามว่าจะมาอีกไหม ตอบเลยว่า ไม่
แลกซื้อชาเขียวมากิน เออ อร่อยดี ถือว่าแวะมากินน้ำก็ชมวิว ฝรั่งแก้ผ้าเล่นน้ำ ก็ถือว่า เลิศอยู่
ร้อนแบบไม่ไหวแล้ว เลยรีบออกจาก แกรนแคนยอน มาไหว้พระ ขอหวยแทน ที่วัดพระธาตุดอยคำ ที่นี่มาเชียงใหม่ทีไรก็แวะมา เคยมาครั้งแรกหลายปีแล้ว ตอนนั้นมาเที่ยวงานพืชสวนโลกแล้วเห็นพระสวย เลยขึ้นมาไหว้ ตอนนั้นวัดไม่ค่อยมีคน ถนนหนทางก็ยังไม่ดี มาตอนนี้คนแน่นวัด ของก็ขายเยอะมาก ดีใจที่วัดเจริญรุ่งเรือง คนมาบนพวกมาลัยมะลิเยอะมาก เขาว่าขอหวย ขออะไรก็สมหวัง ใครมาเชียงใหม่อย่าลืมแวะมาขอพรนะ
ก่อนจะขึ้นเครื่องกลับ กทม. ก็แอบแวะไปกินอาหารพื้นเมืองร้าน เฮือนม่วนใจ๋ ร้านดังของเชียงใหม่ บอกเลยว่า อร่อยทุกอย่าง ติดใจมาก ถ้าไปเชียงใหม่อีกจะแวะไปกินร้านนี้อีก อาหารถูกปากมาก ๆ
นั่งกินไปจนใกล้ถึงเวลาก็เอารถไปคืนที่สนามบินแล้วก็บินกลับ กทม. จ้า จบแล้วทริปเชียใหม่ 4 วัน 3 คืน ของอั้ม บอกเลยว่า หลงรักเชียงใหม่มาก ๆ ชอบทุกที่ อยากไปทุกปี อีกที่ ที่ไม่เคยลืมคือ ดอยอ่างขาง แล้วจะกลับมาอีกนะคะ
อั้มเช่ารถของ AVIS นะคะ ปกติไปเที่ยวไหนก็เช่าเจ้านี้ตลอดจ้า